fbpx

รีวิว GPX Legend 250 Twin II เจ้าตำนานสายคลาสสิกไทย เครื่องทวิน ภาค 2 by Moto Rival

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว GPX Legend 250 Twin ได้ถูกเปิดตัวออกมาแล้วสร้างปรากฏการณ์และการตอบรับจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี มาในปี 2020 ทางค่ายก็ได้เผยโฉม GPX Legend 250 Twin II (จีพีเอ็กซ์ เลเจนด์ สองห้าศูนย์ ทวิน มาร์ค ทู) ออกมาด้วยคอนเซปท์ที่เน้นความเป็นตำนานสไตล์คลาสสิคมากกว่าเดิม ซึ่งสัมผัสที่ได้จากการทดสอบโดยพวกเราทีมงาน MotoRival จะเป็นอย่างไรบ้าง เรามาว่ากันใน รีวิว GPX Legend 250 Twin II ครั้งนี้กันเลยครับ

โดยสำหรับภาพลักษณ์ของ GPX Legend 250 Twin II คันนี้ ก็จะยังคงมาพร้อมกับเอกลักษณ์ของ Legend – Series ที่เน้นในความเป็นคลาสสิคไบค์ผสมความร่วมสมัยเล็กๆอย่างที่เราคุ้นตากันเช่นเดิม ไล่ตั้งแต่

ชุดไฟหน้าโคมกลมส่องสว่างด้วยหลอด LED ด้านใน และมีแถบไฟ DRL ติดตั้งมาให้ด้วย

ส่วนไฟท้ายจะเป็นแบบโคม LED ไฟกลมเช่นกัน ซึ่งดูรับกันดีกับไฟหน้า และไฟเลี้ยว

ด้านมาตรวัดก็เป็นทรงถ้วยกลม แบบ Full Digital ที่ถูกปรับอินเตอร์เฟซใหม่ให้อ่านง่ายมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Legend 250 Twin โฉมแรก และยังคงแสดงผลค่าพื้นฐานต่างๆครบครันเช่นเคย ทั้งวัดรอบ, ความเร็ว, เวลา, ตำแหน่งเกียร์, ระยะทางทั้งหมด, ระยะทางทริป, และระดับน้ำมัน

ถังน้ำมัน ความจุ 14.5 ลิตร ก็ได้รับการแปะโลโก้ “Legend” แบบใหม่ที่ดูมีความคลาสสิค และพรีเมียมกว่าเดิม พร้อมติดตั้ง Tank Pad มาให้ด้วย

และหากมองโดยผิวเผินเพื่อนๆอาจจะคิดว่าสีรถ เป็นสีเทาธรรมดาๆ แต่ถ้าลองเพ่งดีๆ เราจะพบกับเกล็ดสะท้อนแสงสีรุ้งซ่อนไว้อยู่ ซึ่งทาง GPX ได้ระบุว่าเป็นเพราะการสะท้อนแสงของแร่ไมก้า หรือ Mica Pigment ที่พวกเขาผสมเข้ามากับสีรถเพื่อให้เกิดลูกเล่นนี้กับถังน้ำมันรถ ขณะที่หากเป็นตัวรถสีดำทั้งดำเงา และดำด้าน ก็จะมีการเล่นเอฟเฟ็คเกล็ดเงาด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นเกล็ดเงาจากวัสดุพวก Glass Flakes ออกสีเหลือบแดงๆแทน

ด้านฝาครอบแบตเตอรี่ด้านข้างรถก็จะมีการทำโลโก้ใหม่เป็น 250 Twin และอักษร Mark II

เบาะนั่งเป็นแบบตอนเดียวมีมือจับหลังโครเมียมสำหรับผู้ซ้อนด้านล่างมาให้เสร็จสรรพ

ท่อไอเสียทรง Megaphone ให้สุ้มเสียงที่ทุ้มต่ำ และนุ่มนวล

ชุดล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 110/90-17 ด้านหน้า และ 130/90-17 ด้านหลัง

และที่เป็นจุดเด่นสุดๆในตัวรถ Legend 250 Twin II รุ่นนี้ ก็คือชุดแฮนด์ที่เปลี่ยนจากแบบจับโช้ก ทรงคัสตอมคาเฟ่
ในรุ่นแรก เป็นแบบแฮนด์บาร์แล้วเสริมตุ๊กตาขึ้นมา เพื่อให้ตัวรถกลับไปมีภาพลักษณ์ดั้งเดิม หรือมีความเป็นออริจินอล อย่างที่ Legend ควรจะเป็น

และถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าตัวครอบตุ๊กตาแฮนด์มีการหล่อลายให้เป็นโลโก้สัญลักษณ์ GPX Legend Series ด้วย

แม้แต่กระจกมองข้างทรงกลมเองก็ยังกลับมาติดตั้งที่ขาจับปั๊มเบรก แถมยังสามารถปรับมุมมองได้มากกว่า ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองยานพาหนะข้างหลังด้วย

มิติตัวรถ
ความกว้าง x ความยาว x ความสูง : 785 x 2,040 x 1,120 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 1,340 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะนั่ง : 790 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ : 180 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวรถ : 156 กิโลกรัม

ในส่วนของท่านั่ง จากการเปลี่ยนชุดแฮนด์จับโช้กในตัวรถ Legend 250 Twin โฉมแรก มาเป็นแฮนด์บาร์ยกสูงใน Legend 250 Twin II คันนี้ จึงทำให้เราสามารถควบคุมรถด้วยท่าทางที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มีความนั่งหลังตรงมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ระดับความสูงแฮนด์บาร์เองก็อยู่ในระดับกำลังดี เรียกได้ว่าสามารถใช้งานแบบยาวๆ หรือขี่ในระยะทางไกลๆได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในเรื่องความกว้างแฮนด์จากที่เคยต้องพะวงเรื่องระยะกระจกปลายแฮนด์ก็หายห่วง มุดได้ง่ายขึ้นพอสมควร และแม้น้ำหนักตัวรถจะมากขึ้นกว่ารุ่นแรกอีก 2 กิโลกรัมเป็น 156 กิโลกรัม แต่ด้วยแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น จึงทำให้เราสามารถใช้แขนดึงแฮนด์ไปมา พร้อมทิ้งน้ำหนักที่พักเท้าซ้ายขวาเพื่อซอกแซกได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

นอกนั้นในด้านตำแหน่งท่านั่งช่วงล่าง ด้วยความสูงเบาะ 790 มิลลิเมตร กับลำตัวช่วงกลางที่ค่อนข้างอวบนิดๆ จึงทำให้ผู้ขี่ที่สูงไม่เกิน 170 เซนติเมตร อาจจะต้องยกส้นเท้านิดหน่อยเวลาจอด แต่ถ้าสูงมากกว่า 170 เซนติเมตรขึ้นไปก็สามารถเหยียบสองเท้าได้สบายๆ ขณะที่ตำแหน่งการวางเท้าก็ไม่ได้อยู่ข้างหน้า/ข้างหลัง หรือสูง/ต่ำมากเกินไป ประกอบกับช่วงเบาะนั่งที่ค่อนข้างกว้างจึงทำให้หายห่วงเรื่องอาการปวดก้น พอประกอบกับท่านั่งช่วงบนอย่างที่เรากล่าวไปก่อนหน้านี้ จึงถือว่า Legend 250 Twin II รุ่นนี้สามารถใช้งานแบบยาวๆ หรือขี่ในระยะทางไกลๆได้เหมาะสมยิ่งขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

ด้านเบาะนั่งช่วงผู้ซ้อนด้านหลัง หากเป็นผู้ซ้อนตัวเล็กหุ่นเพรียวก็สามารถนั่งได้เต็มก้นสบายหายห่วง เพราะเบาะที่ให้มามีความกว้าง และตำแหน่งพักเท้าก็อยู่ในระยะที่นั่งสบายไม่แพ้ผู้ขี่ แต่ถ้าหากเป็นผู้ซ้อนที่ตัวหนาหรืออวบขึ้นมา งานนี้อาจจะรู้สึกว่าเบาะเล็กไปบ้าง เพราะช่วงเบาะผู้ซ้อนที่ยื่นออกมาจะค่อนข้างสั้น และที่สำคัญคือมือจับด้านหลังยังคงรู้สึกว่าเตี้ยไปนิดอยู่ดี ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เกาะเอวผู้ขี่ตอนซ้อนไว้ก่อนดีกว่า

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นตัวรถ Legend 250 Twin Series ดังนั้นเจ้าเรโทรไบค์สไตล์ออริจินัลคันนี้ ก็จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 234cc แคมเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ผสานชุดหม้อออยคูลเลอร์ขนาดใหญ่ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด GPX-Fi จากแบรนด์ Delphi ประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 16 ตัว ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดอีก 15 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที

และด้วยความที่อัตราส่วนความกว้างของกระบอกสูบ กับช่วงชัก เป็นแบบ Square หรือเท่ากันทั้ง 2 อย่าง ประกอบกับองศาการจุดระเบิดแบบ 360 องศา จึงทำให้นิสัยของเครื่องยนต์ลูกนี้จะมีความนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก สามารถไล่รอบขึ้นเนียนๆและต่อเนื่องตั้งแต่รอบต้นจนรอบปลายที่ราวๆ 8,500 รอบ/นาที เหมาะสำหรับสายชิลที่เน้นขี่แบบกินลมชมวิวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงความเร็วประมาณ 80-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เกียร์ 6 ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการใช้งานรถคันนี้มากที่สุดเพราะสามารถเรียกกำลังเพื่อเร่งแซงได้กำลังดีนั่นเอง

ด้านอัตราเร่งและความเร็วปลาย ส่วนตัวเรามองว่าอัตราทดช่วงเกียร์ 1-3 ของมันค่อนข้างจัดไปนิด จึงทำให้เพื่อนๆอาจจะต้องเตะเกียร์ขึ้นบ่อยเล็กน้อย ส่วนอัตราทดเกียร์ 4-6 นั้นกำลังดีไม่ชิดและไม่ห่างจนเกินไป เพราะสามารถไต่ความเร็วตั้งแต่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง – 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามเรือนไมล์ได้อย่างไม่มีอึดอัด

ที่สำคัญคือเกียร์ค่อนข้างนุ่ม และกระชับ กับคลัทช์ที่มีน้ำหนักกำลังดี ไม่เปลืองแรงตอนที่ต้องขี่ในช่วงเจอการจราจรติดขัดแล้วต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงบ่อยๆแน่นอน แต่ด้วยความเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงที่มีพิกัดราวๆ 250cc จึงทำให้อัตราสิ้นเปลืองของรถคันนี้จะอยู่ที่ราวๆ 20-22 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งหากเพื่อนๆเป็นคนมือเบา ขี่แบบไม่ลากรอบ ไม่บิดหมดปลอกก็อาจจะทำตัวเลขได้ดีกว่านี้อีก


ฝั่งระบบกันสะเทือนของ Legend 250 Twin II ก็จะยังคงจัดเต็มเช่นเคยในสไตล์ GPX นั่นคือด้านหน้าจะเป็นแบบโช้กตะเกียบคู่หัวตั้ง และในส่วนของด้านหลังที่เป็นของ OEM จาก YSS จะมีการปรับให้พิเศษกว่าตัว Mark I ก็ตรงที่เปลี่ยนจากแบบโช้กคู่แก๊สชาร์จ เป็นแบบโช้กแก๊สคู่มีซับแทงค์แยก สามารถปรับพรีโหลดได้ด้วยการขันสตรัทปรับเกลียวบนสปริง

และจากการใช้งานบนถนนสาธารณะเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตร ผู้ทดสอบพบว่าทาง GPX เลือกเซ็ทระบบกันสะเทือนของเจ้า Twin Mark II คันนี้มีความนุ่มนวล และหนืดมากขึ้นอย่างรู้สึกได้ โดยเฉพาะกับด้านหลัง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณการใช้โช้กหลังแบบมีซับแทงค์แก๊สแยก ที่ช่วยทำให้โช้กทำงานได้หนึบยิ่งขึ้น จนถึงขนาดที่ว่า แม้เราจะลองโดดคอสะพานเบาๆแล้ว ตัวโช้กหลังกลับยังซับแรงได้ดี ไม่ค่อยรู้สึกสะท้าน และดีดกลับขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือว่ากำลังเหมาะสมกับความเร็วใช้งาน หรือถ้าหากเพื่อนๆอยากได้ความดิบมากขึ้น ก็สามารถเซ็ทขันสตรัทด้านบนสปริงเพื่อปรับพรีโหลดให้แข็งขึ้นอีกก็ได้

และสำหรับระบบเบรกที่ทาง GPX จะให้มาในลักษณะของ ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 276 มิลลิเมตร ทำงานร่วมโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 2 พอร์ทซ้าย/ขวา และสายเบรกถักกับปั๊มบนขนาดใหญ่ ทางด้านหน้า

กับดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับโฟลทติ้งคาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ใช้สายเบรกถักเช่นกันทางด้านหลัง

โดยจากการใช้งาน หากหลังจากที่เราได้ลองรันอินเบรกด้วยวิธีย้ำใช้ในช่วงแรกหลายๆครั้ง เราก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าระบบเบรกของเจ้า Legend 250 Twin II คันนี้ ถูกปรับเซ็ทมาให้มีความนุ่มนวลในการไล่น้ำหนักก้านเบรกค่อนข้างดี ขณะที่ความหนึบเองก็จัดว่าเอาอยู่กับความแรง, ความเร็ว และน้ำหนักของตัวรถ หายห่วงแน่นอนสำหรับในจุดนี้

สรุป รีวิว GPX Legend 250 Twin II คันนี้ ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคเรโทรไบค์ ที่นำเสนอความเป็นออริจินัลได้สมกับที่ทางค่ายเคลมไว้จริง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหน้าตาที่ให้กลิ่นอายแบบดั้งเดิมในฉบับที่ GPX Legend ควรจะเป็น, แฮนด์บาร์ที่ยกสูงขึ้นมาให้อยู่ในระดับที่สามารถนั่งขี่กินลมชมวิวสบายๆ รวมถึงระบบกันสะเทือนกับระบบเบรกที่หายห่วง, และที่พลาดไม่ได้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงที่มีคาแรคเตอร์นุ่มนวล ทั้งการไล่รอบและสุ้มเสียง ในราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุด

ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆกำลังอยากได้รถมอเตอร์ไซค์ทรงเรโทรไบค์สไตล์ดั้งเดิมทั้งภาพลักษณ์ และเน้นสมรรถนะในการใช้งานฉบับออริจินอลสักคันอยู่ล่ะก็ เจ้า GPX Legend 250 Twin II คันนี้ จะต้องเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เพื่อนๆตามหาอยู่อย่างแน่นอน


โดย สำหรับ 2020 GPX LEGEND 250 TWIN II จะวางจำหน่ายด้วยราคาเปิดตัวแนะนำที่ 81,900 บาท มาพร้อมกับ 3 เฉดสี ด้วยกัน ได้แก่

· SILVER SPACE เฉดสีเทาเงา

· BLACK PHOENIX เฉดสีดำเงา

legend

· MATT BLACK PHOENIX เฉดสีดำด้าน

Share:

Facebook
ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการทำงานของไซต์และการปรับแต่งไซต์ให้เหมาะกับผู้ใช้ เช่น วิดีโอและการสนทนาสด คุกกี้เหล่านั้นอาจได้รับการกำหนดโดยเราหรือผู้ให้บริการจากบริษัทอื่นที่เราได้เพิ่มบริการของพวกเขาลงในหน้าเพจ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน ฟังก์ชันบางอย่างของไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้อง

  • คุกกี้กำหนดเป้าหมาย

    คุกกี้เหล่านี้จะถูกกำหนดผ่านไซต์ของเราโดยพาร์ทเนอร์โฆษณาของเรา โดยบริษัทดังกล่าวอาจใช้คุกกี้เหล่านี้เพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความสนใจของคุณ และแสดงโฆษณาที่คุณสนใจบนไซต์อื่นๆ คุกกี้เหล่านี้ทำงานโดยการระบุแต่ละเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของคุณ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน คุณจะไม่เห็นโฆษณาที่คุณเป็นเป้าหมายบนเว็บไซต์ต่างๆ

บันทึกการตั้งค่า